เมื่อวันที่ 7 เม.ย. 2566 ที่ผ่านมา คณะทำงานขับเคลื่อนนโยบายสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า เปิดเวทีเวทีรณรงค์ต่อพรรคการเมือง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในหัวข้อ “พรรคการเมือง : สวัสดิการเด็กเล็ก ถึงเวลาต้องถ้วนหน้า ได้หรือยัง” ณ ห้องประชุม 2 อาคาร HSO5 คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นในพื้นที่ภาคอิสาน “
สุนี ไชยรส ประธานคณะทำงานขับเคลื่อนนโยบายสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า กล่าวว่า สถานการณ์ประเทศไทยนั้น ในทุกกลุ่มคนมีสวัสดิการทั้งหมด ยกเว้นเด็กเล็ก เช่น ผู้สูงอายุได้เงินถ้วนหน้า เด็กวัยเรียนได้เรียนฟรีถึง 12 ปี คนวัยทำงานทั่วไปมีบัตรสวัสดิการทั้งหลาย แต่ประเทศไทยไม่ให้สวัสดิการถ้วนหน้าเด็กเล็ก โดยเฉพาะเด็กในช่วง 0-6 ปี ซึ่งเป็นโจทย์ที่ต้องแก้ไขและขับเคลื่อน จึงเป็นข้อเสนอที่เราจะนำเสนอกับพรรคการเมืองที่จะเข้ามาเป็นรัฐบาลในอนาคต
“ข้อเสนอของคณะทำงานฯ คือ 1.ขอสวัสดิการถ้วนหน้า ให้เด็กทุกคนบนผืนแผ่นดินไทยได้รับการปกป้อง คุ้มครองและพัฒนา 2.ตั้งแต่ในครรภ์มารดา – 6 ปี เพื่อให้เด็กเล็กได้รับการดูแลตั้งแต่อยู่ในท้องเมื่อเริ่มฝากครรภ์ให้เริ่มดูแลทันที และ 3. เดิม 600 บาทคุณไม่ให้ จึงขอเปลี่ยนใหม่เป็น 3,000 บาทต่อเดือน ส่วนทำไมต้อง 3,000 บาท ซึ่งมาจากการสอบถามพ่อแม่ ผู้ปกครองถึงค่าใช้จ่ายเป็นขั้นต่ำ ทั้งนี้เด็กเกิดน้อยลงทุกปี ต้องดูแลให้ดีที่สุด และสังคมไทยมีครอบครัวรายได้น้อยสัดส่วนสูงมาก รวมทั้งมีแม่อายุน้อยและแม่เลี้ยงเดี่ยวเพิ่มขึ้น จึงต้องมีการจัดศูนย์พัฒนาเด็กเล็กให้ทั่วถึงและให้เด็กทุกคนในผืนแผ่นดินไทยมีโอกาสได้เข้าเรียนด้วย”นางสุนีกล่าว
ย้ำ สวัสดิการเด็กเล็กได้รับ “ไม่ถ้วนหน้า” มาจากขั้นตอนราชการ
จากนั้นเป็นเวทีเสวนา “สถานการณ์เด็กเล็กภาคอีสาน และข้อเสนอ“ โดยผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำงานกับเด็ก โดยผู้แทนจากเทศบาลนครขอนแก่น กล่าวว่า จากการทำงานที่ผ่านมาตั้งแต่ พ.ศ.2557 การกรอกเอกสารเพื่อให้เด็กได้สวัสดิการนี้มีปัญหามาก เนื่องจาก เทศบาลทำหน้าที่เป็นแค่ผู้ประสาน รับลงทะเบียน เป็นตัวแทนให้กับกระทรวง พม. ดังนั้นแน่นอนว่าเด็กที่ลงทะเบียนตกหล่นทุกปี เพราะปัญหาจากการกรอกเอกสารประชาชนต้องเดินทางมากรอกเอง ต้องจ้างคนเขียน ตัวหนังสือเล็กมาก และเงินที่ได้ก็แค่ 600 บาท บางคนก็เลือกที่จะไม่รับเงินนี้ ดังนั้นครอบครัวที่ยากจน จึงมีปัญหาภาวะเศรษฐกิจมาก โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์โควิด ในขณะที่ภาคประชาสังคม อย่างมูลนิธิพัฒนาเครือข่ายสุขภาพ สำนักงานภาคอีสาน และ กป.อพช. ภาคอิสาน ได้ลงเก็บข้อมูลในพื้นที่ทั้งชุมชนริมทางรถไฟ และพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ ในภาคอิสาน ระบุว่าปัญหาที่พบคือ ความยากจน คุณแม่วัยใส ซึ่งจะตามมาด้วยโภชานาการบกพร่องในเด็ก สุขภาพ เด็กเล็กที่น้ำหนักไม่เข้าเกณฑ์มาตรฐานตามอายุ เด็กมีพัฒนาการที่ล่าช้า นอกจากนี้ยังพบว่ากลไกของรัฐ ในการรับลงทะเบียนยังมีเด็กที่ตกหล่น ส่วนของกรอบวงเงิน 600 บาท ยังน้อยมาก และขอเสนอพรรคการเมืองให้มีนโยบายเด็กอายุ 0-6 ปี ขอเสนอเป็น 3,000 บาทถ้วนหน้า
“เราไม่ต้องการประชานิยม พรรคการเมืองต้องมีแนวคิดสวัสดิการ ข้อเสนอเงินเด็กเล็กถ้วนหน้า พรรคการเมืองต้องคิดถึงศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ที่จะได้รับการดูแล และพัฒนาการเด็ก คุณภาพศูนย์เด็กเล็ก ต้องขยายขอบเขต เวลาเปิด-ปิด สอดคล้องกับเวลาทำงานของแม่ และพี่เลี้ยงเด็ก”
จากนั้นผู้แทนจากพรรคการเมือง ซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งในพื้นที่ภาคอิสาน ได้นำเสนอนโยบายของพรรคในประเด็นสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า
พลังประชารัฐ ปูนโยบายกลุ่มเปราะบาง ระบุใช้นโยบายบริหารจัดการงบประมาณ
กันณพงศ์ อัครไชยพงศ์ ผู้สมัคร ส.ส. ขอนแก่นเขต 8 พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ขณะนี้สังคมไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ดังนั้นเด็กจึงเป็นทรัพยากรที่มีค่า พลังประชารัฐมีนโยบายเน้นไปที่กลุ่มเปราะบาง แม่ที่ตั้งครรภ์ 5-9 เดือนละ 10,000 บาท ให้อย่างเท่าเทียม 2. หลังจากแรกเกิด 0-6 ปี ให้เด็กสนับสนุนเท่าเทียมเดือนละ 3,000 บาท 3.เพิ่มจำนวนและศักยภาพศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่มีประมาณ 50,000 กว่าแห่งทั่วประเทศ โดยจะเพิ่มจำนวนศูนย์เด็กเล็กให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ และช่วงขยายอายุของเด็ก ตั้งแต่ 6 เดือน- 6 ปี และพัฒนาบุคลากร ซึ่งงบประมาณที่จะนำมาใช้มาจากการบริหารจัดการงบประมาณ ที่สามารถจะทำได้
ประชาธิปัตย์ เน้นย้ำ เดินหน้านโยบายต้องคำนึงถึงงบประมาณด้วย
ธนชภา จันทวารา รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์/ผู้สมัคร ส.ส. จ. อำนาจเจริญเขต 1 กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์คำนึงถึงการพัฒนาของคนทุกกลุ่ม แต่กลุ่มเด็กยังขาดระบบสวัสดิการ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ได้เคยผลักดันเงินอุดหนุนเด็กถ้วนหน้ามาแล้ว แต่สำนักงบประมาณยืนยันว่า ไม่มีงบประมาณสำหรับนโยบายดังกล่าว อย่างไรก็ตาม พรรคประชาธิปัตย์อาจจะไม่ได้สนับสนุนงบประมาณ แต่มีนโยบายสนับลสนุนนมโรงเรียนให้มีนมดื่ม 365 วัน จนถึงอายุ 6 ปี
ด้านประชาชาติ ผลักดันทุกช่วงอายุสู่รัฐสวัสดิการ
รอมือละห์ แซเยะ ผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ กล่าวว่าพรรคจะทำในทุกช่วงอายุมาสู่สวัสดิการแห่งรัฐ เด็กในช่วงปฏิสนธิ 0 – 6 ปีก่อน พรรคมีนโยบายที่ 3,000 – 4,500 บาท ส่วนช่วง 6-15 ปี อาจจะประมาณ 3,000 บาท ส่วนผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป จะมีสวัสดิการให้ 3,000 บาท นอกจากนี้พรรคยังมีนโยบายล้างหนี้ กยศ. และแปลงเงิน กยศ.เป็นทุนการศึกษา ทั้งนี้ ผู้แทนจากพรรคประชาชาติ กล่าวด้วยว่า พรรคมีแนวคิดที่จะนำงบกลางมาดำเนินการในนโยบายนี้
ก้าวไกล ยืนยัน เดินหน้ารัฐสวัสดิการ ปฏิรูประบบจัดเก็บภาษี
นัฏฐิกา โล่ห์วีระ ผู้สมัคร ส.ส. ชัยภูมิ เขต 1 พรรคก้าวไกล มีนโยบายรัฐสวัสดิการ ตั้งแต่เกิดจนตาย เมื่อสวัสดิการของเด็กเล็กจำเป็นต้องได้รับอย่างถ้วนหน้า พรรคก้าวไกลมีคูปองรับขวัญคุณแม่ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ โดยคูปองรับขวัญนี้แม่สามารถเลือดสินค้าได้เองมูลค่า 3,000 บาท ขยายวันลาคลอด เป็นสิทธิ์ที่ใช้แบ่งกันได้ทั้งพ่อแม่ ระยะเวลาทั้งสิ้นรวมกัน 180 วัน นอกจากนี้ เสนอประกันสังคมถ้วนหน้าที่ขยายสิทธิ์การให้มีเงินชดเชยลาคลอดให้แม่ที่เป็นแรงงานนอกระดับ 6 เดือนๆ ละ 5,000 บาท ส่งเสริมให้อปท.ในพื้นที่มีศูนย์รับเลี้ยงเด็กตอนกลางวันหรือเดย์แคร์ เพิ่มขึ้น รวมทั้งปรับปรุงศูนย์พัฒนาเด็กเล็กให้ครอบคุลมมากขึ้น ส่วนสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า พรรคก้าวไกลเสนอว่าเราจำเป็นที่จะต้องมีสวัสดิการถ้วนหน้าที่ 1,200 บาทต่อเดือนสำหรับเด็ก 0-6 ปี ส่วนงบประมาณมาจากไหนนั้น ต้องปฏิรูประบบภาษี ตัดลดงบประมาณกองทัพ งบกลาง เพื่อให้สามารถมีสวัสดิการถ้วนหน้าให้กับทุกคนได้
เสรีรวมไทย ตัดงบฯ กองทัพเพิ่มงบฯ สวัสดิการเด็กเล็ก
โตบูรพา สิมมาทัน ผู้สมัคร ส.ส. ขอนแก่นเขต 1 พรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า มีนโยบายที่จะพัฒนาเด็กเล็ก โดยจะนำงบประมาณจากกองทัพมาจัดสรรให้กับนโยบายนี้ อย่างไรก๋ตามขณะนี้ ปัญหาที่สำคัญของเด็ก ๆคือ เด็กติดยาเสพติด ที่เราต้องเร่งดำเนินการ ปฏิรูปกองทัพ
ชาติพัฒนากล้า ผันงบธุรกิจสีเทา เป็นงบพัฒนาเด็ก
เยาวภา บุรพลชัย โฆษกพรรคชาติพัฒนากล้า/ผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อ กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนากล้า มีเป้าหมายของพรรคือจะทำอย่างไรที่จะเพิ่มจำนวนประชาชนที่ได้รับเงินเดือนสูงขึ้นในอีก 20 ปีข้างหน้า โดยต้องมีเงินช่วยเหลือแม่ตั้งแต่ตั้งครรภ์จนลูกอายุถึง 8 ขวบ อยู่ที่เดือนละ 2,000 บาท และจะเปลี่ยนชื่อศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเป็นศูนย์พัฒนาและรับเลี้ยงดูเด็กทารก และต้องมีเทคโนโลยีเพื่อเข้าใจสถานการณ์เด็กรายบุคคล จัดทำบิ๊กดาต้าเด็กเชื่อมโยงข้อมูลเด็กตั้งแต่ฝากครรภ์จนเข้ารับบริการในหน่วยงานต่างๆ เป็นต้น โดยพรรคมีนโยบายยุทธศาสตร์ในการเงินเพื่อมาดำเนินการนโยบายนี้ เศรษฐกิจเฉดสี สร้างรายได้5.5 ล้านบาท ภายใน 4 ปี ธุรกิจสีเทาเปลี่ยนเรื่องผิดกฎหมายขึ้นมาบนดิน จัดเก็บให้เป็นระบบ
เพื่อไทย ผลักนโยบายเครดิตถุงเงิน เน้นกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นช่วยดูแลเด็ก
ชัชวาล พรอมรธรรม ผู้สมัคร ส.ส. ขอนแก่นเขต 1 พรรคเพื่อไทย พรรคเพื่อไทยไม่ได้ดูแค่เด็กเพิ่มเริ่มเกิด แต่เราต้องดูในช่วงที่เขาอยู่ในครรภ์ของมารดาด้วย รัฐจะต้องให้พ่อได้มีส่วนร่วมในการเลี้ยงดูเด็ก สิ่งที่สามารถทำได้คือให้สิทธิ์พ่อได้รับการลางานจากองค์กรที่ทำทำงานเพื่อมีส่วนร่วมดูแลลูก อีกสิ่งหนึ่งที่รัฐสามารถจัดทำได้คือเครดิตถุงเงิน โดยรัฐสนับสนุนให้เครดิตถุงเงินกับผู้ที่ตั้งครรภ์ครบ 8 เดือน สามารถนำไปจัดหาสิ่งจำเป็น เช่น นมผง วิตามิน อุปกรณ์ดูแลเด็กเล็ก มีการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นร่วมดูแลเด็ก เป็นต้น ตนไม่เชื่อว่ารัฐจะมีงบประมาณไม่เพียงพอในการดูแลส่วนนี้ และมีหลายนโยบายที่พรรคเพื่อไทยกำลังดำเนินการโดยจะรับฟังจากเวทีและการพบปะประชาชนในพื้นที่ต่างๆ เพื่อนำมาจัดทำเป็นนโยบายต่อไป สวัสดิการถ้วนหน้า บิ๊กดาต้า
เสมอภาค เตรียมเสนอกฎหมายสวัสดิการประชาชน
บุญจันทร์ เช้าวันดี รองหัวหน้าพรรคเสมอภาค กล่าวว่า เราจะให้คนไทยทุกคนเกิดอย่างมีคุณภาพ อยู่อย่างมีคุณค่าและจากลาอย่างมีศักดิ์ศรี หากจะให้ประชาชนได้สวัสดิการจากรัฐอย่างชัดเจน รัฐบาลจะต้องถูกสั่งด้วยกฎหมายคือกฎหมายสวัสดิการประชาชน ที่เราร่างไว้เรียบร้อยแล้วในการดูแลประชาชนทุกกลุ่มตามรัฐธรรมนูญกำหนด เรามีแนวคิดต่างๆ 54 นโยบายเสริมที่จะให้ประชาชนทุกกลุ่มได้รับสวัสดิการ มีเงินอุดหนุนถ้วนหน้าอย่างน้อย 2,000—3,000 บาทต่อเดือน ผู้หญิงก่อนคลอด 3 เดือนแรกและหลังคลอด อาจจะได้ 3,000-5,000บาทต่อเดือน ผู้สูงอายุ 3,000-5,000 บาทต่อเดือน เป็นต้น นอกจากนั้น เราจะมี พ.ร.บ.สภาหมู่บ้าน เพื่อให้ชาวบ้านบริหารจัดการตัวเองได้ โดยเฉพาะในเรื่องการดูแลสวัสดิการประชาชน
ไทยสร้างไทย เน้นปรับปรุงกฎหมายเพื่อสวัสดิการประชาชน
สยมพร วรรณูปถัมภ์ ผู้สมัคร ส.ส. ขอนแก่นเขต 1 พรรคไทยสร้างไทยมีนโยบายดูแลประชาชนตั้งแต่เกิดจนแก่ ซึ่งการดูแลเด็กเล็ก และการให้สวัสดิการถ้วนหน้าเด็กเล็ก 0-6 ปี ถือเป็นหนึ่งในสิ่งที่พรรคได้ประกาศไปแล้ว โดยพรรคจะใช้แนวทางในการปรับปรุงกฎหมาย เพื่อจะพัฒนาด้านต่าง ๆ เช่นการพัฒนาศูนย์เด็กเล็ก การให้ความสำคัญกับแม่ตั้งแต่ตั้งครรภ์ จนถึงคลอดบุตร การจัดพื้นที่ในมบุตร ให้หยุดการทำงานที่มีความเสี่ยงกับลูกในครรภ์ นโยบาย 2000 บาท
Recent Comments