ทต.หัวทะเลเดือด! นายกฯ ตั้งโต๊ะแถลงโต้ “ส.ส.ปิยชาติ” ปมสร้างอาคารเอนกประสงค์ล่าช้า ขณะชาวบ้านโวย “เพิ่งเห็นหน้า หลังลงคลิปทวงงาน”

ทต.หัวทะเลเดือด! นายกฯ ตั้งโต๊ะแถลงโต้ “ส.ส.ปิยชาติ” ปมสร้างอาคารเอนกประสงค์ล่าช้า ขณะชาวบ้านโวย “เพิ่งเห็นหน้า หลังลงคลิปทวงงาน”

วันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 ที่ห้องประชุมเทศบาลตำบลหัวทะเล ประชาชนกว่า 500 คน พร้อมผู้นำท้องถิ่น เข้าร่วมรับฟังการแถลงข่าวของนายเอกภพ โตมรศักดิ์ นายกเทศมนตรีตำบลหัวทะเล หลังเกิดกรณีที่ ส.ส.ปิยชาติ รุจิพรวศิน พรรคประชาชน เขต 2 นครราชสีมา โพสต์คลิปและข้อความตรวจสอบโครงการก่อสร้างอาคารเอนกประสงค์บึงหัวทะเล ซึ่งล่าช้ากว่า 700 วัน ทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์และในพื้นที่

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2568 เพจของ ส.ส.ปิยชาติ ได้เผยภาพการยื่นหนังสือต่อประธานกรรมาธิการงบประมาณ เพื่อให้ติดตามความคืบหน้าโครงการ โดยระบุว่าใช้งบประมาณกว่า 90 ล้านบาท แต่ความคืบหน้ามีเพียง 20–30% ทั้งที่เกินกำหนดส่งมอบกว่า 2 ปี พร้อมย้ำว่าเป็นเงินภาษีประชาชนที่ต้องตรวจสอบได้อย่างโปร่งใส

นายเอกภพ โตมรศักดิ์ นายกเทศมนตรีตำบลหัวทะเล ชี้แจงว่า งบก่อสร้างตัวอาคารจริงอยู่ที่เพียง 60 กว่าล้านบาท ส่วนตัวเลข 90 ล้านบาทเป็นงบรวมของสนามกีฬา ลู่วิ่ง และงานปรับภูมิทัศน์โดยรอบ พร้อมระบุว่าโครงการอยู่ภายใต้การดูแลของกรมโยธาธิการและผังเมือง โดยผู้รับจ้างคือ หจก.วรรณพงษ์ก่อสร้าง จากจังหวัดราชบุรี

เขายังกล่าวว่า โครงการเริ่มต้นในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้หลายขั้นตอนล่าช้า อีกทั้งอาคารกินพื้นที่สนามฟุตบอลเดิมกว่า 15 เมตร ทำให้ต้องแก้ไขแบบหลายครั้งและมีการชี้แจงต่อคณะกรรมการทุกครั้งตามขั้นตอน พร้อมเผยว่าปัญหาหลักคือผู้รับเหมาประสบปัญหาสภาพคล่องอย่างหนัก ทำให้การก่อสร้างสะดุดและล่าช้า รวมถึงถูกปรับวันละกว่า 80,000 บาทในขณะนี้

นายเอกภพ ระบุว่า ขณะนี้ใช้งบก่อสร้างไปแล้วกว่า 39 ล้านบาท หรือประมาณ 49% ไม่ใช่ 20–30% ตามข้อมูลที่ถูกเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ พร้อมย้ำว่าเทศบาลทำงานโปร่งใสและยินดีให้ตรวจสอบทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็น สตง. ป.ป.ช. หรือหน่วยงานรัฐสภา แต่ไม่อยากให้มีการเผยแพร่ข้อมูลที่ยังไม่ครบถ้วน เพราะส่งผลกระทบต่อเจ้าหน้าที่และประชาชนในพื้นที่

หลังการแถลงข่าว ชาวบ้านจำนวนหนึ่งออกมาแสดงความเห็นว่าไม่เคยเห็น ส.ส.ลง พื้นที่หรือพบปะประชาชนมาก่อน จนกระทั่งมีการลงคลิปทวงงานตรวจสอบโครงการ ขณะที่บางส่วนเรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมมือกัน เพื่อให้โครงการแล้วเสร็จโดยเร็ว โดยไม่ต้องการให้ความขัดแย้งทางการเมืองส่งผลกระทบต่อการพัฒนาพื้นที่ โดยเฉพาะในช่วงใกล้ยุบสภา

สำหรับสถานการณ์โครงการล่าสุด พบว่าล่าช้ากว่า 2 ปีจากกำหนดส่งมอบ เนื่องจากปัญหาสภาพคล่องของผู้รับเหมาและการปรับแก้แบบหลายครั้ง ส่วนงบก่อสร้างตัวอาคารอยู่ที่ประมาณ 60 ล้านบาท ไม่ใช่ 90 ล้านบาทตามที่มีการอ้างก่อนหน้านี้ โดยเทศบาลยืนยันว่าทุกขั้นตอนตรวจสอบได้ ขณะที่ประชาชนบางส่วนเริ่มตั้งคำถามถึงบทบาทการทำงานของ ส.ส.ในพื้นที่ภายหลังเหตุการณ์ดังกล่าว