สวนสัตว์โคราชเตรียมปล่อยนกกระเรียนพันธุ์ไทยคืนสู่ธรรมชาติ 13 ตัว เดือน สค.65 นี้  หวังเพิ่มประชากรนกกระเรียนที่เคยสูญพันธุ์ไปจากธรรมชาติ กว่า 50 ปี   ระบุ หาก ปชช. พบเจอนกกระเรียนทำรังรีบแจ้ง จนท.รัฐ รับทันที รังละ 3,000 บาท ตามโครงการอุปถัมภ์รังนกกระเรียนพันธุ์ไทย

นครราชสีมา – วันนี้ (18 กรกฎาคม 2565) นายธนชน เคนสิงห์ ผู้อำนวยการสวนสัตว์นครราชสีมา เปิดเผยว่า  นกกระเรียนพันธุ์ไทยเคยสูญพันธุ์ไปจากธรรมชาติ ในประเทศไทย มานานกว่า 50 ปี  และเมื่อปี 2532 สวนสัตว์นครราชสีมา ได้รับบริจาคลูกนกกระเรียนพันธุ์ไทย จากประชาชนแนวชายแดนเขมร จำนวน 10 ตัวและได้ทำการเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์เรื่อยมา จนได้ลูกนกตัวแรกในปี 2540 ด้วยวิธีการขยายพันธุ์แบบธรรมชาติ และประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องและถือว่าเป็นที่แรกในด้านการผสมเทียมนกกระเรียนพันธุ์ไทย ในปี 2545  ซึ่งถือได้ว่าสวนสัตว์นครราชสีมาเป็นศูนย์การเพาะขยายพันธ์นกกระเรียนพันธ์ไทยที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียอาคเนย์ ทำให้ได้รับการยอมรับจาก มูลนิธินกกระเรียนสากล (International Crane Foundation) รัฐวิสคอนซิล สหรัฐอเมริกา ให้เป็นศูนย์เพาะเลี้ยงนกกระเรียนพันธุ์ไทย ของโลก  ทั้งนี้ องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ได้มีการริเริ่มโครงการปล่อยนกกระเรียนพันธุ์ไทยคืนสู่ธรรมชาติตั้งแต่ปีงบประมาณ 2551 จากแนวคิดของผู้บริหารของ 3 หน่วยงาน  ภายใต้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการด้านสัตว์ป่า ระหว่างกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย จนกระทั่ง ในปี 2552 – 2556 องค์การสวนสัตว์ ได้รับงบประมาณแผ่นดิน ให้จัดทำโครงการวิจัย เรื่อง “การเตรียมความพร้อมเพื่อนำประชากรนกกระเรียนพันธุ์ไทยจากสภาพเพาะเลี้ยงกลับคืนสู่ชุ่มน้ำในจังหวัดบุรีรัมย์ และมีการปล่อยนกกระเรียนกลุ่มแรกคืนสู่ธรรมชาติเมื่อปี 2554 หลังจากนั้นได้มีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งปี 2558 – 2562 จึงได้รับงบประมาณสนับสนุนจากกองทุนสิ่งแวดล้อมโลก ภายใต้โครงการ “อนุรักษ์ถิ่นอาศัยของพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ที่มีความสำคัญระดับโลกในพื้นที่ภาคการผลิต” จนกระทั่ง ปี 2564 มีนกกระเรียนพันธุ์ไทยที่เพาะขยายพันธุ์ได้ถูกปล่อยคืนสู่ธรรมชาติไปแล้ว ทั้งสิ้น 133 ตัว รอดชีวิตทั้งสิ้น 90 ตัว คิดเป็นอัตราการรอดหลังการปล่อย 67.66% รวมถึงมีลูกนกกระเรียนพันธุ์ไทยที่สามารถเกิดในธรรมชาติแล้ว จำนวน 25 และถือเป็นโครงการต้นแบบของการปล่อยสัตว์คืนสู่ธรรมชาติของประเทศไทยที่ประสบผลสำเร็จ และในปีงบประมาณ 2565 สวนสัตว์นครราชสีมา ได้กำหนดโครงการปล่อยนกกระเรียนพันธุ์ไทย ในวันที่ 10 สิงหาคม 2565 นี้  ที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก อ.เมือง จ.บุรีรัมย์  จำนวนทั้งสิ้น 13 ตัว เพื่อเพิ่มจำนวนนกกระเรียนพันธุ์ไทยที่ตัวใหญ่ที่สุดในโลก

นายธนชน   กล่าวอีกว่า สวนสัตว์นครราชสีมา ปัญหาการปล่อยกลุ่มนกกระเรียนพันธุ์ไทยกลุ่มแรกคืนสู่ธรรมชาติเมื่อปี 2554 นั้น ภาระกิจการปล่อยนกกระเรียนพันธุ์ไทยนั้น ยังคงมีการไล่ล่าจากการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของประชาชนที่อยู่โดยรอบพื้นที่ชุ่มน้ำ และแหล่งพื้นที่เกษตรกรรมของชุมชน  รวมทั้งการใช้ยาปราบศัตรูพืชในพื้นที่การเกษตร เช่น ยากำจัดหอย ยากำจัดปู ยากำจัดหนู ยาฆ่าหญ้า ยาฆ่าแมลง ซึ่งมีผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อประชากรนกกระเรียนพันธุ์ไทย  อีกทั้งการสูญเสียแหล่งที่อยู่อาศัย เนื่องจากการเสื่อมสภาพของถิ่นอาศัยและแหล่งอาหาร รวมไปถึงแหล่งน้ำที่ไม่เพียงพอ  และทัศนคติส่วนบุคคลที่ไม่ดีต่อนกกระเรียนพันธุ์ไทย เช่น เข้าใจว่าเป็นตัวรบกวนและทำให้ผลผลิตด้านเกษตรกรลดน้อยลง  ดังนั้น เพื่อให้สามารถแก้ปัญหาดังกล่าวได้ องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ร่วมมือกับสมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย จึงได้ดำเนินการด้านการเผยแพร่ความรู้ สร้างจิตสำนึกด้านการอนุรักษ์ และส่งเสริมการมีส่วนร่วมในด้านการอนุรักษ์ให้กับชุมชนท้องถิ่นและประชาชนทั่วไป ผ่านโครงการ กระเรียนอุปถัมภ์ ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจสามารถมีส่วนร่วม ในการอุปถัมภ์ รังนกกระเรียนพันธุ์ไทย เพื่อเป็นการชดเชยความเสียหายทางการเกษตร ที่เกิดจากการใช้พื้นที่ของนกกระเรียนพันธุ์ไทย ในการทำรังบนนาข้าวและพื้นที่เกษตรกร และช่วยสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการดำเนินการติดตามและเก็บข้อมูลการทำรังของเจ้าหน้าที่ภาคสนามโดยรายละเอียดการอุปถัมภ์ มีค่าใช้จ่าย 6,500 บาท / รังแบ่งค่าใช้จ่าย  เป็นค่าตอบแทนผู้แจ้งข่าว รังละ 500 บาท   ค่าตอบแทนเจ้าของที่นา รายละ 3,000 บาท  ค่าใช้จ่ายในการติดตามรัง รังละ 1,000 บาท  ค่าจัดทำรายงาน ของที่ระลึก และค่าดำเนินการ 2,000 บาท นายธนชน    กล่าว.

////////

ข่าวประจำวันสวนสัตว์โคราช เตรียมปล่อยนกกระเรียนพันธุ์ไทยคืนสู่ธรรมชาติ