ผู้ว่าโคราชหนักใจ ! คลัสเตอร์โควิดยังไม่นิ่ง มีโอกาสติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม กำชับ จนท.ทำงานอย่างเข้มข้น โฟกัสโรงงานและชุมชน พร้อมลงดาบหากไม่ปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด
นครราชสีมา –วันนี้ (6 ตุลาคม 2564) ที่ห้องประชุมการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา ได้มีการประชุมคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งมีนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานการประชุมฯ ติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด 19 ในพื้นที่จังหวัดฯ และการดำเนินมาตรการควบคุมป้องกันโรคฯ โดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดฯ รายงานว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 145 ราย เป็นการติดเชื้อกันเองในพื้นที่ 131 ราย และติดมาจากนอกพื้นที่ 14 ราย รวมติดเชื้อสะสม 26,776 ราย ซึ่งรักษาหายแล้ว 23,314 ราย ยังรักษาอยู่ 3,269 ราย และเสียชีวิตสะสม 193 ราย ส่วนการดำเนินมาตรการป้องกันโรค ได้ระดมฉีดวัคซีนกลุ่มเป้าหมายอายุ 18 ปีขึ้นไป 2,112,381 ราย เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับประชาชน โดยฉีดวัคซีนต้านโควิด 19 เข็มแรกไปได้ 1,102,514 ราย หรือ 52.19 % เข็มที่ 2 ฉีดได้ 723,099 ราย หรือ 34.23 % เข็มที่ 3 ฉีดได้ 43,929 ราย หรือ 2.08 % รวมฉีดวัคซีนไปแล้ว 1,869,542 โดส ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดฯ ได้กำชับนายอำเภอทั้ง 32 อำเภอให้บูรณาการหน่วยงานทุกภาคส่วน ป้องกันควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด 19 อย่างเคร่งครัดตามมาตรการที่สาธารณสุขกำหนด โดยเฉพาะชาวบ้านในแต่ละชุมชน จะต้องดูแลป้องกันตัวเอง อย่ารวมกลุ่ม และต้องช่วยกันลดปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อเป็นกลุ่มก้อน
ซึ่งล่าสุดวันนี้ มีรายงานการระบาดคลัสเตอร์ใหม่เพิ่มขึ้นอีก ในขณะที่คลัสเตอร์เก่าหลายคลัสเตอร์ยังสกัดการแพร่ระบาดไม่ได้ ได้แก่
1.คลัสเตอร์ หมู่ 5 บ้านช่องอู่ ต.จอหอ อ.เมืองนครราชสีมา เดิมมีผู้ติดเชื้อ 12 ราย ตรวจเชิงรุกพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอีก 5 ราย
2.คลัสเตอร์โรงงานเครือแหลมทอง อ.สูงเนิน ซึ่งมีพนักงานติดเชื้อกระจายอยู่ใน 4 อำเภอ ได้แก่ อ.สีคิ้ว อ.สูงเนิน อ.โนนไทย และ อ.ด่านขุนทด รวม 623 ราย โดยเชื้อแพร่ระบาดวง 2 ทำให้ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงหรือคนในครอบครัวติดเชื้ออีก 15 ราย ต่อมา วง 1 มีพนักงานติดเชื้อเพิ่ม 8 ราย และวง 2 มีคนในครอบครัวและผู้สัมผัสเสี่ยงสูงเป็นเจ้าของร้านค้าและรถรับจ้าง ติดเชื้อเพิ่ม 4 ราย รวมคลัสเตอร์นี้ติดเชื้อแล้ว 650 ราย
3.คลัสเตอร์งานศพ ต.หินดาด อ.ด่านขุนทด พบเชื้อกระจายออกไปถึง 4 วง โดยวงแรก มีเจ้าภาพและคนที่ไปร่วมในงานติดเชื้อ 45 ราย ,วง 2 มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงหรือคนในครอบครัวติดเชื้อ 38 ราย ,วง 3 มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ติดเชื้อ 20 ราย และวง 4 มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ติดเชื้อ 2 ราย ซึ่งล่าสุด วงที่ 3 และ 4 พบผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ติดเชื้อเพิ่มอีก 10 ราย รวมคลัสเตอร์นี้ ติดเชื้อไปแล้ว 115 ราย ซึ่งชาวบ้านที่ติดเชื้ออยู่ในหมู่ที่ 1 จำนวน 15 ราย ,หมู่ที่ 13 จำนวน 4 ราย ,หมู่ที่ 17 จำนวน 70 ราย ศบก.อำเภอด่านขุนทด จึงสั่งปิดทั้ง 3 หมู่บ้าน ตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน – 13 ตุลาคม 2564 ต่อมาสั่งปิดหมู่ที่ 11 เพิ่มอีกตั้งแต่วันที่ 2-15 ตุลาคม2564 เพราะมีผู้ติดเชื้อมากถึง 24 ราย ส่วนหมู่ที่ 24 มีผู้ติดเชื้อ 2 ราย ยังไม่ได้สั่งปิดหมู่บ้าน
4.คลัสเตอร์ อบต.กระทุ่มราย อ.ประทาย เป็นคลัสเตอร์ใหม่ ที่พบการแพร่กระจายเชื้อในครอบครัว และเพื่อนร่วมงานใน อบต. โดยผู้ติดเชื้อรายแรกเป็นเจ้าหน้าที่ อบต.ชาย แพร่เชื้อให้ภรรยา ลูกและหลาน รวมติดเชื้อ 5 ราย นอกจากนี้ มีการแพร่เชื้อให้กับเพื่อนร่วมงาน ,ผู้ใหญ่บ้าน ม.17 และเด็กชายเพื่อนบ้าน อีก 10 ราย ต่อมาเชื้อกระจายเป็นวง 2 มีคนในครอบครัว และญาติ ติดเชื้อเพิ่มอีก 3 ราย รวมคลัสเตอร์นี้ติดเชื้อแล้ว 18 ราย ซึ่งขณะนี้ทีมปฏิบัติการสอบสวนโรคติดต่อ ได้ลงพื้นที่ค้นหาผู้ป่วยเชิงลึกในชุมชนอย่างต่อเนื่องแล้ว
5.คลัสเตอร์ ห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส สาขาจอหอ อ.เมืองนครราชสีมา โดยทางห้างฯ ได้ตรวจ ATK 100% พนักงานทั้งหมด 116 คน เมื่อวันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา พบผลเป็นบวก จึงส่งตรวจ RT-PCR ซ้ำ ผลยืนยันติดเชื้อ จำนวน 17 ราย อยู่แผนกช่างซ่อมบำรุงนอกอาคาร แผนกคลังสินค้า แผนกเครื่องใช้ไฟฟ้า แผนกอุปโภค แผนกบริโภค แผนกอาหารสด และที่ห้องอาหารพนักงาน ซึ่งเชื้อได้แพร่เป็นวงที่ 2 มีคนในครอบครัวพนักงานติดเชื้ออีก 5 ราย รวมคลัสเตอร์นี้ติดเชื้อแล้ว 22 ราย ทางห้างฯ จึงปิดพื้นที่เพื่อทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรค และให้ผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 21 ราย กักตัว 14 วัน พร้อมกับประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้บริการระหว่างวันที่ 20 กันยายน – 3 ตุลาคม 2564 เฝ้าระวังอาการ ประเมินความเสี่ยง และไปตรวจหาเชื้อโดยด่วน โดยจะเปิดดำเนินกิจการในวันที่ 8 ตุลาคม 2564 อีกครั้ง เวลา 08.00 โดยดำเนินมาตรการคัดกรอง ตรวจ ATK พนักงานและผู้เกี่ยวข้อง รวมถึง พนักงานร้านค้าในห้างอีก 108 คน ก่อนเข้าปฏิบัติงาน 100 % พร้อมกับเข้มงวดมาตรการป้องกันโควิด 19 ในพนักงานและผู้ใช้บริการด้วย
6.คลัสเตอร์พนักงาน บริษัท ศิริวิทย์-สแตนเลย์ จำกัด ต.โคกกรวด อ.เมืองนครราชสีมา มีพนักงานทั้งหมด 1,490 คน พบพนักงานติดเชื้อรายแรกเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2564 ทางบริษัทฯ จึงนำกลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูงจำนวน 445 คน ตรวจ ATK พบผลเป็นบวกหลายราย จึงส่งตรวจ RT-PCR ซ้ำ ยืนยันติดเชื้อ 14 ราย และนำผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ที่ทำงานร่วมกัน 24 คน และที่นั่งรถรับส่งด้วยกันอีก 50 คน รวมจำนวน 74 คน ตรวจ ATK พบ 13 ราย ผลเป็นบวก ส่งตรวจ RT-PCR ซ้ำ รอยืนยันผล รวมเบื้องต้น คลัสเตอร์นี้ติดเชื้อแล้ว 14 ราย
7.คลัสเตอร์ พนักงานเคอร์รี่ สาขารังกาใหญ่ อ.พิมาย เป็นจุดพักสินค้า พบผู้ติดเชื้อเป็นพนักงานอยู่ในพื้นที่ อ.พิมาย อ.โนนสูง และ อ.ห้วยแถลง ซึ่งเชื้อได้แพร่ไปวงที่ 2 สู่คนในครอบครัวของพนักงานและผู้สัมผัสใกล้ชิด เดิมติดเชื้อ 13 ราย พบติดเชื้อเพิ่มทั้งวง 1 และวง 2 อีก 5 ราย รวมคลัสเตอร์นี้ติดเชื้อ 18 ราย
8.คลัสเตอร์ร้านก๋วยเตี๋ยวใต้ถุน อ.พิมาย เป็นคลัสเตอร์ใหม่ ที่พบการแพร่ระบาดในชุมชน โดยมีผู้ติดเชื้อมารับประทานที่ร้าน แพร่เชื้อทำให้เจ้าของร้านและครอบครัวติดเชื้อทั้งหมด 4 ราย ซึ่งทางอำเภอพิมายได้ประกาศให้ผู้แวะเวียนหรือไปรับประทานอาหารที่ร้าน ได้ไปตรวจหาเชื้อ ซึ่งพบติดเชื้ออีก 12 ราย และเชื้อแพร่เป็นวง 2 ติดเชื้ออีก 1 ราย รวมคลัสเตอร์นี้ติดเชื้อแล้ว 17 ราย ยังอยู่ระหว่างการสอบสวนโรคเพิ่มเติม
9.คลัสเตอร์ ครอบครัว บ้านเลขที่ 97 หมู่ 12 ต.ลำทะเมนชัย อ.ลำทะเมนชัย โดยผู้ป่วยในครอบครัวนี้ เป็นนักศึกษาวิทยาลัยเทคนิค เรียนที่ จ.บุรีรัมย์ และสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยโควิด 19 ซึ่งเป็นครู เมื่อกลับมาที่ จ.นครราชสีมา คนในครอบคัวเริ่มมีอาการป่วย ไปตรวจหาเชื้อทั้งครอบครัว พบติดเชื้อโควิด 19 ทั้ง 5 ราย ซึ่งเชื้อได้แพร่ไปสู่กลุ่มเพื่อน และเพื่อนบ้านที่ไปมาหาสู่กัน ทำให้มีติดเชื้อเพิ่ม 14 ราย รวมคลัสเตอร์นี้ติดเชื้อแล้ว 19 ราย ศบก.อำเภอลำทะเมนชัย จึงมีคำสั่งปิดหมู่บ้าน หมู่ที่ 12 ต.ลำทะเมนชัย อ.ลำทะเมนชัย เป็นเวลา 14 วัน ตั้งแต่วันที่ 4-17 ตุลาคม 2564 และปิดทำความสะอาดร้านสะดวกซื้อ ร้านอะเมซอน สาขา ปตท.ลำทะเมนชัย 3 วัน กับตรวจเชิงรุกในหมู่บ้าน และเฝ้าระวังการแพร่ระบาดในชุมชนอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งนายวิเชียรฯ ได้กล่าวในที่ประชุมว่า ทีมสอบสวนโรคและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ยังต้องทำงานอย่างหนักและต่อเนื่อง เพราะจากรายงานจะเห็นว่า ทุกคลัสเตอร์มีโอกาสแพร่กระจายเชื้อได้อีก จึงต้องเร่งควบคุมสกัดการแพร่ระบาดให้ได้ เพื่อไม่ให้เกิดเป็นคลัสเตอร์ใหม่ขึ้นอีก โดยเฉพาะคลัสเตอร์โรงงาน จะต้องเข้าไปกำกับดูแลและสอดส่องอย่างใกล้ชิด หากโรงงานใดไม่ปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด ต้องนำข้อกฎหมายมาบังคับใช้ ในขณะที่คลัสเตอร์ที่มีการระบาดในชุมชน จะต้องเร่งสอบสวนโรค เพื่อนำตัวกลุ่มเสี่ยงสูงมาตรวจหาเชื้อให้ได้โดยเร็ว โดยพื้นที่ใดปิดหมู่บ้าน ก็ต้องจัดเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลตลอด 24 ชั่วโมงด้วย และทำความเข้าใจชาวบ้านให้ปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด เพื่อสกัดการแพร่กระจายของโรคให้ได้โดยเร็ว
///////////////ประสิทธิ์ ตั้งประเสริฐ / นครราชสีมา
Recent Comments